เมื่อไหร่ควรเปลี่ยนยางรถยนต์

Share this article

หลายท่านคงจะสงสัยว่า เปลี่ยนยางรถยนต์เมื่อไหร่ดี บางคนบอก 2 ปีก็ควรเปลี่ยนได้แล้ว แล้วกี่ปีกันแน่ วันนี้วีโคจะมาไขปริศนาว่า เมื่อไหร่ควรเปลี่ยนยางรถยนต์ ยางรถยนต์ถือว่าเป็นชิ้นส่วนที่ความสำคัญชิ้นนึง เนื่องจากทุกครั้งที่เราเคลื่อนที่ หน้ายางจะสัมผัสถนนไปตลอดทาง ลองนึกภาพดูว่าถ้ายางเสื่อมสภาพแล้ว หรือ ใช้จนถึงจุดที่ควรจะเปลี่ยนแล้วไม่เปลี่ยน จะมีความเสี่ยงอะไรเกิดขึ้นบ้าง

  • ยางแข็งไม่ยืดหยุ่นไม่เกาะถนน เวลาขับรถเร็ว เข้าโค้งในขณะฝนตกอาจหลุดโค้งได้
  • ยางสึกจนถึงสะพานยาง อาจเกิดยางแตก ยางโดนของมีคมทิ่ม เพราะหน้ายางบางมากแล้ว ถ้าเกิดในขณะที่ขับรถเร็ว อาจทำให้ควบคุมรถได้ไม่ดีอาจเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุได้
  • ยางชำรุด ปะมาหลายครั้ง บวม แตก รอยแยก แก้มยางชำรุด ขับๆอยู่ ยางแตก ความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุก็มากขึ้น

เมื่อไหร่ควรเปลี่ยนยางรถยนต์

เมื่อไหร่ควรเปลี่ยนยางรถยนต์

ดังนั้นเราจะมีวิธีตรวจยางอย่างไร ก่อนที่จะทำการตัดสินใจเปลี่ยนยาง

  1. แก้มยาง ดูสภาพแก้มยาง คือด้านข้าง ไม่ใช่หน้ายาง แก้มยางชำรุด แตก บวม รอยแยก มีแรงกระทำต่อแก้มยาง เช่น การขับรถแล้วยางรถเบียดขอบฟุตบาท การโดนของมีคม ตะปูทิ่ม และอื่นๆ ถ้าเคยโดนที่กล่าวมาแล้วชำรุดก็ควรเปลี่ยนใหม่
  2. หน้ายางที่สัมผัสกับพื้น เจอของมีคมทิ่ม รอยแยก แตก บวม การสึก การปะยาง ถ้าเคยโดนหนักๆมาก็ควรเปลี่ยนใหม่ได้แล้ว
  3. ดอกยาง ตรวจสอบจากรอยดอกยาง คือส่วนที่เป็นร่องลงไป ควรไม่สึกจนไปถึงสะพานยาง สะพานยางคือ เส้นนู้นที่อยู่ในร่องของดอกยาง ยาวไปตลอดของร่องดอกยาง หากหน้ายาง ดอกยางสึกจนไปถึงสะพานยางแล้ว ยางรถเส้นนั้นควรได้รับการเปลี่ยน เนื่องจากการสึกจนแทบไม่มีดอกยางทำให้ประสิทธิภาพการเกาะถนนรวมทั้งอาจทำให้ ยางแตก ยางโดนทิ่ม ยางชำรุดได้ง่ายอีกด้วย ซึ่งถ้าเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นในขณะที่ขับรถเร็วก็อาจจะเกิดอุบัติเหตุได้
  4. ความยืดหยุ่น เมื่อใช้ยางมานานแล้ว ให้สังเกตหน้ายางว่ายังมีความยืดหยุ่นเหรอไม่ โดยลองกด หน้ายาง ว่ายางแข็งจนไม่มีความยืดหยุ่นเหรอไม่อย่างไร ถ้ายางใช้มานานแล้ว บริเวณหน้ายางจะแข็งจนไม่มีความยืดหยุ่น
  5. รอยแตกลายงา อันนี้จะเกิดในกรณียางเริ่มเสื่อมสภาพ เช่น ยางที่ใช้มานานเกิน 5 ปี นับจากวันที่ผลิต
  6. อายุยาง ดูจากตัวเลข 4 ตัวที่แก้มยาง เช่น 1519 ยางเส้นนี้ผลิตเมื่อสัปดาห์ที่ 15 ปี 2019 อายุยางในความเห็นของวีโคไม่ควรเกิน 5 ปี แต่อาจจะเกินได้เพราะสเปกของยางแต่ละยี่ห้อแตกต่างกันออกไป ดังนั้นควรตรวจสภาพเป็นประจำตั้งแต่ปีที่ 5 เป็นต้นไป ถ้ามีงบประมาณเปลี่ยนยางใหม่จะดีกว่า

ความเสื่อมสภาพของยางรถยนต์จากสภาพการใช้งานที่มีความแตกต่างกัน ซึงส่งผลให้ยางของรถแต่ละคันเสื่อมเร็วช้าต่างกันไป ตัวอย่างเช่น

  • การขับรถเร็วช้า
  • การบรรทุกของหนักเบา
  • การขับบนถนนขรุขระ
  • การเบรกทั้งแบบธรรมดา และกระทันหัน
  • การขับบนถนนลาดชัน
  • การจอดบนความลาดชัน ทำให้น้ำหนักรถไม่กระจายไปที่ล้อเท่าๆกัน
  • ระยะทางที่ขับมากน้อย เช่นบางคนขับรถ 1 ปี ขับไป หนึ่งแสนกิโลเมตร แต่บางคน 1 ปี ขับแค่หนึ่งหมื่นกิโลเมตรหรือน้อยกว่านั้น

ถ้าตัดสินใจเปลี่ยนยางรถยนต์แล้ว ก็ต้องหาร้าน หรือ อู่ หรือ ศูนย์บริการ ที่มีบริการเปลี่ยนยาง ถ่วงล้อ และตั้งศูนย์ให้ด้วย รวมทั้งบางที่มีเติมลมยางไนโตรเจนให้อีกด้วย ถึงจะเป็นการเปลี่ยนยางที่สมบูรณ์

* ข้อมูลจากเวิร์คแอดลาสจำนวนผู้เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุจราจรมากเป็นอันดับสองของโลกคือ ประเทศไทย การขับรถเร็วเป็นปัจจัยนึง ถ้าขับรถเร็วแล้วยางรถไม่ดีหรือเสื่อมสภาพแล้ว โอกาสเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุก็มากขึ้นตามไปด้วย

สรุป ท่านผู้อ่านลองพิจารณาจากปัจจัยข้างต้น เริ่มต้นโดยการตรวจสภาพยางรถด้วยตัวเอง จากนั้นลองพิจารณาว่า ถึงเวลาที่จะเปลี่ยนยางใหม่ได้แล้วเหรอยัง การเปลี่ยนยางให้อยู่ในลักษณะพร้อมใช้งานจะเป็นการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ทางนึง วีโคขอให้ท่านผู้อ่านทุกท่านขับขี่บนท้องถนนปลอดภัยครับ

บทความที่เกี่ยวข้อง

ขอขอบคุณ

 5,336 total views,  2 views today